วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2556

บันทึกฝึกงาน # สัปดาห์ 1-2



  • วันที่ 9 ธันวาคม 2556 เป็นวันแรกหลังจากที่รอมานานเกือบปี ว่าเมื่อไหร่จะได้ออกมาฝึกงานกันแน่ และในที่สุดก็ได้มาฝึกงานที่นี่สมใจเสียที 555+
  • Timeshift ที่นี่จะแปลกกว่าที่อื่นตรงที่เข้างาน 10.00 น. ตรง (เลทได้ไม่เกิน 10.30) เลิกงานประมาณ 18.00 น. ทำให้ผมจัดตารางชีวิตแทบไม่ถูก เพราะตั้งใจว่าเย็นจะไปเล่นฟิตเนสที่พารากอนก่อนกลับบ้าน กลายเป็นว่า สองอาทิตย์ที่ผ่านมา ยังไม่ได้แวะไปเล่นเลย 55+
  • ก็คุยกับพี่ @TaeSK ว่า จะทำยังไงกับปัญหานี้ดี พี่แกก็เลยแนะว่าให้มาเล่นเช้า เพราะคนน้อย ก็ถ้าอาทิตย์นี้ปรับเวลาเป็นตื่น 6 โมงได้ ก็จะลองดู 555+
  • กลับเข้าเรื่อง มาถึงที่นี่วันแรก สภาพก็เหมือนกับเพื่อนๆ ที่ออกไปสหกิจด้วยกันทั้งหมด คือนั่งชิว ไม่ได้ทำอะไร ผมก็นั่งชิวและเล่นเฟสแทบทั้งวัน
  • วันที่มาฝึกเป็นวันที่สองผมก็เริ่มได้ assignment งานแล้ว งานแรกที่ได้เป็นงานเขียนระบบ cms management ของเว็บไซต์หลัก บ.อสังหาริมทรัพย์รายใหญ่รายหนึ่ง (ใบ้ให้ว่าขึ้นต้นด้วย "ส.") แต่ด้วยความที่ไม่เคยเขียน ASP.Net เลยรู้สึกว่างานนี้หินกว่าที่คิด
  • แต่พอเข้าวันที่ 3-4 ก็เริ่มชินกับเนื้องานแล้ว เพราะพี่เขาบอกว่าเราสามารถดึงไฟล์ที่ทำเสร็จแล้วมา Adap ใช้ใหม่ได้เลย แต่ถ้าเกิดบั๊ก ก็นั่งไล่แก้กันเอง 555+
  • วันที่ 2 เป็นวันแรกที่ได้เข้าประชุมงานใหญ่ ซึ่งก็คือการวางแผนพัฒนาแอพพลิเคชันตัวหนึ่ง ในการประชุมครั้งนั้นจะมี Head Programmer (ที่นี่เรียก Technical Manager) เข้าประชุมหนึ่งคน มี Project Manager, CEO รวมถึงลุง +Methas Tariya ผมและตัวแทนจากฝั่งนู้นเข้าประชุมด้วย
  • การประชุมครั้งนั้นทำให้ผมได้รู้ถึงการวางแผนในการพัฒนาที่เป็นระบบมากกว่าตอนทำโปรเจค คือในหนึ่งโปรเจคจะมีการกำหนด PM ประจำโปรเจค 1 คน PM จะทำหน้าที่คอยประสานงานระหว่างบริษัทกับลูกค้า ว่าลูกค้าต้องการอะไรบ้าง และบริษัทสามารถ Present อะไรได้บ้าง รวมถึง Scope งานจะเป็นอย่างไร ซึ่งอย่างงานนี้ก็จะมีการใช้ Framework ในการช่วยพัฒนา ทำให้สามารถปิดงานได้ไวขึ้น
  • หลังการประชุมครั้งนั้นผมได้รับ Assign ว่าในวันที่ 4 ต้องขึ้นมาศึกษาการใช้งาน Laravel เบื้องต้น ซึ่งเจ้า Laravel นี้ เท่าที่ฟังๆ มา เหมือนจะลองใช้งานกับเว็บ MK เป็นงานแรกด้วย
  • การเรียนรู้ Laravel ในวันนั้นเป็นอะไรที่มันส์มาก เพราะแทบเริ่มต้นจาก 0.5 (.5 นี่คือความรู้ PHP เดิม 555+) และดูเหมือนว่าจะเรียนรู้ได้ค่อนข้างง่ายกว่า PHP เดิมเป็นอย่างมาก
  • หลังจากนั้นผมก็กลับมาง่วนๆ กับงาน ASP.Net ต่อ อาทิตย์นี้ก็จะเป็นการทำงานล้วนๆ มาถึงออฟฟิซ เปิดคอมแล้วก็นั่งทำงานจนหกโมงหนึ่งทุ่มทุกวัน
  • แต่ที่พิเศษกว่าคือในวันที่ 9 (วันที่ 20 ธันวาคม) บริษัทมีจัดงานเลี้ยงปีใหม่ และฉลองขึ้นปีที่ 3 ของบริษัทด้วย (เท่ากับว่าผมเป็นรุ่นที่ 3 ของบริษัทนี้) งานเลี้ยงวันนั้นสนุกมาก เพราะก่อนหน้านั้นมีการจับเป้าหมายที่เราต้องซื้อของขวัญมาแลกด้วย ซึ่งผมก็ได้พี่ +TuckTua TuckTua ส่วนคนที่ได้ผมก็คือพี่พงษ์ที่เป็น Founder ของบริษัทนี่แหละครับ
  • ตั้งใจว่าจะซื้อของราคาไม่เกิน 500 เดินหาอยู่นานกว่าจะเจอของถูกใจ ซึ่งของที่ผมซื้อให้พี่ +TuckTua TuckTua ก็คือแก้วเป็ด จริงๆ มันคือที่ใส่ของ แต่วันนั้นพี่แกเอามาใส่เหล้ากิน 555+
  • ส่วนผมก็ได้หนังสือ "Unstopable" มาจากพี่พงษ์ครับ เท่าที่ลองอ่านเนื้อหาดีเหมือนกัน ซึ่งพี่พงษ์เองก็เล่าว่าเคยซื้อหนังสือให้คนในบริษัทไปสองเล่มเช่นกัน ผมเป็นคนที่ 3 ที่พี่เขาจะซื้อหนังสือเพื่อมอบความรู้ต่อให้
  • หลังจากนั้นก็จะเป็นงานเลี้ยงสังสรรค์ตามอัธยาศัย อาหารนี่ละลานตามากครับ พิซซา 4 ถาด ข้าวปั้น และยังมีการไปหอบ KFC มาจากเสนาเฟสท์อีกด้วย 555+
  • และที่สำคัญเลยคือวันนั้นได้ลองทานแอลหลายอย่างมาก ซึ่งพี่ของพี่ฮาร์ทให้เกียรติมาเป็นบาร์เทนเดอร์ให้โดยเฉพาะเลยครับ
  • วันนั้นงานก็เสร็จลงในเวลาเกือบห้าทุ่ม ก็ถือว่าเป็นวันแรกเหมือนกันที่ได้อยู่ที่ออฟฟิซดึกขนาดนี้~
  • อาทิตย์หน้าคงเจองานหนักกว่านี้แน่นอน ><

วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2556

[HK Trip Day 3] ออกตะลอนเที่ยวชมแสงสีของฮ่องกงยามกลางคืนครั้งแรกในชีวิต

ขอข้ามวันที่สองนะครับ เพราะวันที่สองไม่มีอะไรมากจริงๆ นอกจากงาน BlackBerry Jam Asia 2013 ที่อยู่จนจบงานแล้วก็นั่งรถบัสกลับ แถมถึงที่พักแล้วหมดแรงอีก เลยสลบไปเลย Orz

ตื่นมาวันที่ 3 เช้าผมก็มางาน BlackBerry Jam Asia ตามปกติ ประมาณ 3 โมง - 4 โมง +Jetsada Machom ก็เมนชั่นมาชวนผมออกเที่ยวซะงั้น ประจวบเหมาะกับตอนนั้น เซสซันเริ่มน่าเบื่อแล้ว ก็เลยตัดสินใจ เก็บกระเป๋าออกเที่ยวซะเลย :3

แพลนเที่ยวที่ตั้งใจไว้ก็คือเดินทางไปชมวิวที่ Victoria Harbor แต่ผิดคาดไปหน่อยเพราะนั่งรถไฟไปลงผิดสถานี 555+ เพราะดันไปลงที่นี่ครับ "สถานีซึงวาน"


มาถึงซึงวานก็ไม่ทำอะไรมากครับ นอกจากหาที่เที่ยวจากในแผนที่ MTR สรุปก็ได้ที่ถ่ายรูปเล่นจุดแรกของค่ำคืนนี้ นั่นก็คือ Western Market ครับ แต่ระหว่างทางมีรถรางแบบนี้ให้ถ่ายรูปเล่นไปพลางๆ ด้วยครับ :D



และแล้วก็มาถึงจุดหมายปลายทางแรกของคืนนี้ครับ :3


เข้าไปใน Western Market มันก็เหมือนห้างๆ หนึ่งครับ คล้ายๆ กับ Center One แถวอนุเสาวรีย์บ้านเรานี่แหละครับ เพียงแต่ที่นี่มีแค่สามชั้น และตกแต่งในโทนอังกฤษซะส่วนใหญ่ด้วยครับ



แต่ความเงิบในวันนั้นก็คือ... ผมไป.. แล้วข้างบน.... "เค้าเหมาที่จัดงานแต่งงานอยู่ครับ" Orz หาทางออกแทบไม่ทัน TwT *อายเค้า T3T)...*


เก็บวิวรอบๆ อีกสักรูปสองรูป ก่อนจะเดินทางมาที่นี่ครับ "สถานีว่านฉ่าย"


จริงๆ "ว่านฉ่าย" ควรเป็นสถานีปลายทางตั้งแต่แรกแล้วล่ะครับ 5 5 5+

ขึ้นมาจากสถานีว่านฉ่าย ผมก็เจอกับของเด็ดให้เข้า เพราะตรงทางออกดันไปเจอ "พันธุ์ทิพย์พลาซา" ครับ 555+ ผมไม่ได้พิมพ์ผิดนะ ขึ้นมาตรงนั้นก็เจอกับห้างคอมพิวเตอร์ของที่นั่นเลย แต่เข้าไปแล้วของก็เหมือนๆ กับของเราทั้งนั้นครับ เสียดายถ่ายรูปไม่ได้เลยไม่ได้เก็บภาพข้างในมา

เดินรอบๆ พันธุ์ทิพย์ฮ่องกงไปได้รอบนึง ก็เลยเดินออกไปหาที่เที่ยวต่อ เพราะมันปิดไปก็หลายร้านแล้วเหมือนกันครับ ออกมาในที่สุดก็ตัดสินใจว่า เดินทางกลับจิมซ่าโจ่ยดีกว่า แล้วไปหาที่เที่ยวย่านนั้นแทน




ระหว่างทางก็เก็บภาพเหมือนเดิมครับ :3

ในที่สุดผมก็เดินทางมาถึงท่าเรือข้ามฟาก Star Ferry แล้ว ค่าเรือรู้สึกถ้าจำไม่ผิด โดนตัดไป 2 ดอลกว่าๆ คิดเป็นเงินไทยก็ 8 บาท ถูกมว๊ากกกก!! ถูกขิงๆ (ถูกกว่าเรือข้ามฟากเจ้าพระยาบ้านเราอีก) แต่มาช้าไปหน่อยเพราะเรือออกไปก่อน แต่ใช้เวลาไม่นานเรืออีกลำก็เดินทางมาถึงครับ



เวลาตอนนั้นสี่ทุ่มกว่าๆ แล้ว คนกลับจิมซ่าโจ่ยดูเยอะเหมือนกัน :3


ขึ้นมาแล้วก็ไม่พลาดครับ ยึดหัวเรือถ่ายรูปเล่นซะเลย อิอิ










ใช้เวลาไม่นานก็เดินทางมาถึงฝั่งจิมซ่าโจ่ยแล้วครับ โดยจุดที่ผมมาถึงจะเป็นบริเวณ Avenue of Star ครับ เสียดาย หารูปปั้นเฉินหลงไม่เจอ ;____;)



ว่าแล้วก็เก็บรูปฝั่ง Hong Kong Island ไปสักพัก





อิ่มเอมกับบรรยากาศทะเลไปแล้ว... ก็ถึงเวลาหาที่เที่ยวต่อเช่นกันครับ อยู่ฝั่งนี้ก็เลยตัดสินใจไปหาที่เที่ยวแถวจอร์แดน เลยได้ที่นี่ครับ Temple Street



แถวนี้คนไทยอยู่เยอะด้วยนะ ลองสังเกตสิ 555+


Temple Street มันเป็นย่านตลาดนัดริมถนนครับ เข้าไปถึงมันจะเป็นคล้ายๆ กับตลาดนัดย่านต่างๆ แถวบ้านเรานี่แหละครับ มีขายหมดตั้งแต่อาหาร เสื้อผ้า กระเป๋า แม้แต่... เซ็กส์ทอย.. 555+





อยู่มาสักพัก ท้องก็เริ่มหิวอีกครั้ง เลยตัดสินใจกินมือข้างทางอีกหนึ่งมื้อ... (ก่อนออกเที่ยวกินข้าวกล่อง 7-11 มาแล้วด้วย อิอิ) เลยได้ทานก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาที่พี่ผมเค้าบอกตั้งแต่อยู่ไทยว่า มาถึงแล้วห้ามพลาด...


ชามนี้... 17 เหรียญ ก็ประมาณ 68 บาทครับ ไม่แพงๆ แต่อร่อย 55+

การกินก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาที่ฮ่องกง เค้าจะไม่เหมือนบ้านเราครับ คือไม่มีพวกเครื่องปรุงแบบไทยๆ อันได้แก่ น้ำตาล พริกป่น น้ำปลา พริกดอง เพราะที่ร้านนั้นเค้ามีแต่สามอย่าง (จำได้สอง T__T) ครับ คือน้ำมันพริก (ใส่แล้วจะได้รสออกเผ็ดๆ) แล้วก็จิ๊กโฉ่ว หรือซอสเปรี้ยวครับ ส่วนหวาน/เค็ม ไม่มี เพราะที่นี่เค้าไม่นิยมกันครับ ขนาดน้ำซุปแบบเพลนๆ ยังจืดมากเลย แต่โดยรวมอร่อยดีฮะ ' ')b

พออิ่มท้องก็เลยเดินเล่นต่อ บังเอิญว่าที่นี่เค้าชอบทานของทอดเหมือนที่ไทยครับ อารมณ์ประมาณว่ามีทั้งลูกชิ้นทอด ไส้กรอกทอด เกี๊ยวทอด ไก่ทอด ผักทอดมีหมด แต่ที่พิสดารอย่างหนึ่งก็คือ...


ไส้ทอดครับ! O.O)?


ส่วนรสชาติ........ผมไม่ได้ลองนะ ต้องไปถาม +Jetsada Machom เอง 555+

ระหว่างรอซื้อก็มีเจ้าเหมียวตัวนี้มาไซร้ขาเล่นๆ ครับ :3 (แมวของเจ้าของร้านแหละ 555)


พออิ่มท้องแล้วนั้น ก็พากันเดินเที่ยวต่อ แต่ได้ไม่นาน ฝนก็ตกครับ เสียดายมาก


บวกกับเวลาตอนนั้นก็จะเที่ยงคืนแล้ว เลยตัดสินใจ กลับที่พักกันดีกว่าครับ วันพรุ่งนี้ (28 กันยายน) เป็นวันสุดท้ายที่ผมใช้ชีวิตอยู่ในฮ่องกงละ ช่วงเช้ามีแพลนเที่ยวทั้งเช้าเลย และมีเวลาซ่าถึงแค่ 5 โมงเย็นเพราะต้องกลับไปเช็คอินที่เช็กแล๊ปก๊อกเพื่อขึ้นเครื่องกลับบ้าน แต่กลับกัน +Jetsada Machom จะไปฝั่งมาเก๊าต่อครับ เสียดายมากที่ไม่มีเวลาพอ ;____; (ต้องโทษสหกิจ 55+)

ภาพสุดท้ายที่ได้จากคืนนั้น ก็เป็นหอยลายจานนี้ครับ ยังไม่ตายด้วย เนื้อแพลมๆ ออกมาจากเปลือกตลอดเวลาเลย เห็นแล้วหยึยเล็กน้อย 55+


วันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2556

[HK Trip Day 1] หนีการเมือง...ไปลัลล้าที่ Hong Kong Disneyland Resort!

ดองไว้นานเชียว กะจะเขียนตั้งแต่อยู่ที่นู่นสักหน่อย 555+

ต่อละนะครับ.. :3

หลังจากที่เจ้าวาฬยักษ์ A380 หรือคุณศรีรัตนะ (ลำเดียวกับที่มีข่าวตกหลุมอากาศเบย 555+) พาผมไปส่งที่เช็กแล๊ปก๊อกตั้งแต่เที่ยง ผมใช้เวลาประมาณ 30 นาทีกว่าๆ ในการจัดการเรื่องด่านตรวจคนเข้าเมือง ที่คิวเยอะเอามากๆๆๆๆๆๆๆๆ ผมก็ออกมาลัลล้าที่ฮ่องกงได้สำเร็จ ก็ไม่รอช้าครับ หยิบแบ๊คแพคคู่ใจแล้วดิ่งขึ้น Airport Express กันเล้ย!

รถไฟฟ้า AE ที่นี่ ค่อนข้างเร็วส์ ครับ ;w;)b (แต่ช้ากว่า ARL บ้านเรา 5 5 5+) ประมาณ 13 นาที มันดีดผมออกจากเช็กแล๊ปก๊อกมาส่งที่ซิงอี่ (Tsing Yi) ก็ลงป้ายนี้แหละครับ แล้วย้อนกลับไปขึ้นสาย Tung Chung เพื่อมุ่งหน้าไป Sunny Bay (ชายหาดของเกาะ Lantau Island) และต่อรถไป Disneyland Resort ตามระเบียบ

ผมค่อนข้างชอบระบบรถไฟฟ้าที่นี่นะครับ เพราะมันเชื่อมถึงกันทุกที่เลย คือมีแค่บัตรรถไฟ ผมก็ร่อนได้ทั้งฮ่องกงอ่ะครับ >.<

อาวล่ะ... ใช้เวลาไม่นานผมก็มาถึงที่นี่ครับ "Sunny Bay"


สถานีรถไฟฟ้าที่นั่นเค้าไม่เหมือนกับ BTS บ้านเราครับ เพราะของเค้าเหมือนของการรถไฟบ้านเรามากกว่า :3 ผมมายืนได้สักพัก เจ้านี่ก็วิ่งเข้ามา



เห็น Route Map ละบอกได้คำเดียว ว่า "ไม่" "หลง" 5555+ (คือจะบอกว่า ... ผมโดนไอ้เชี่ย +Weerayut Chalarak สบประมาทตั้งแต่วันที่ลงบล็อก Day 0 ที่สุวรรณภูมิ ว่าจะหลงมั้ยๆๆๆ 555+)

เข้าเรื่องต่อๆ :3


รถไฟสายนี้เค้าออกแบบเหมืิอน BTS บ้านเราครับ แต่ที่นั่งเค้าจะแบ่งเป็นสองช่วง และช่วงกลางจะวางตุ๊กตาจากการ์ตูนของดิสนี่ย์เอาไว้ ดูแล้วน่ารักไม่เบาเลยครับ :3

ขึ้นรถไฟได้ไม่นานก็ต้องลง เพราะมันมาส่งผมที่สถานีนี้แล้ว "Disneyland Resort"




ออกมาถ่ายหน้าสถานีได้สักพัก หันหลังกลับไปผมก็เจอกับไอนี่ครับ!


ถ่ายด้านหน้าได้สักพักผมก็ไม่รอช้าครับ เอากระเป๋าไปฝากไว้ก่อน (ค่าฝากใบละ 60 เหรียญ มีสองใบ ก็โดนไป 120 เหรียญ T____T แต่ยังดีที่ว่าฝากได้จนกว่าสวนจะปิด) แล้วก็วิ่งเข้าประตูไปเล้ย! ' ')ง

เข้ามาแล้วก็เจอกับด่านแรกครับ Disneyland Resort Railway เป็นรถไฟวิ่งรอบสวนครับ พอดีผมมาถึงนี่ก็บ่ายเกือบบ่ายสองแล้ว กลัวไม่มีเวลาเลยไม่ได้ขึ้น ก็ได้แต่ถ่ายด้านหน้าเก็บไว้เป็นที่ระลึกครับ


เดินไปได้นิดนึงก็จะเป็นส่วน Town Square ส่วนนี้จะเป็นส่วนต้อนรับ ด้านข้างจะขนาบไปด้วยร้านอาหาร เบเกอรี่ ร้านขายของชำร่วย (ซึ่งแพงมากกกกกก ไปซื้อที่เช็กแล๊ปก๊อกถูกกว่าเยอะครับ)


แต่ผมจะยังไม่เดินเข้าไปครับ... เพราะหันซ้ายแล้ว เจอทีเด็ดอันแรกสุดเลย! "มหาลัย มอนสเตอร์" ครับ! :D


ธีม MU รู้สึกจัดแค่ช่วงนี้เท่านั้นครับ ไม่รู้ว่าหมดเมื่อไหร่ >< โชคดีที่ไปทัน เพราะเท่าที่หาข้อมูลได้ ธีม MU จัดถึงกลางเดือนกันยานี้ แต่ผมไปก็ปลายเดือนละ ยังไม่ปิดธีมนี้เลยครับ 55+

เข้าไปทักทายบ้านอูสม่าหน่อยดีฝ่า :3


MU มันไม่มีอะไรมากครับ เพราะเป็นแค่ซุ้มถ่ายรูปคู่กับนายไมค์ และขุ่นซัลลี่เท่านั้นเอง แฮ่ๆ



ว่าแล้ว... ขอสักแช๊ะ 55


จบจากส่วน MU ก็ถึงเวลาเดินเข้าไปข้างในสักทีนะครับ :3

เดินมาแล้วจะเจอส่วนแรกสุดของ Disneyland Resort ก็คือโซน Main Street USA ครับ :3


หันข้าง (ทางบังคับ) ผมก็เจอกับ...


ธีมนี้เป็นธีมโลกอนาคตครับ แต่วันที่ผมไป เสียดายอย่างหนึ่ง... ปิดปรับปรุงซะเยอะ ;___; เลยไม่ได้เล่นอะไรในโซนนี้ นอกจากถ่ายรูปเก็บไปครับ T T




เดินเก็บบรรยากาศไปสักพักผมก็ทะลุมาส่วนนี้ครับ... Fantasy Land



แล้วก็เดินมาเจอสิ่งนี้ครับ... "It's a small world"



มีเสียงติ๊กต่อกด้วยแหละ 555+

It's a small world อันนี้เป็นโซนที่เค้าจะให้เรานั่งเรือเล่นครับ เข้าไปแล้วจะเจอโชว์ต่างๆ จากการ์ตูนของดิสนีย์ทั้งหมด ที่ทำออกมาในทรงตุ๊กตาตัวเล็กๆ ดูแล้วน่ารักน่าหยิกดีครับ ดูเพลินๆ ถ่ายรูปไปเพลินๆ มีคำทักทายเป็นภาษาไทยด้วยนะ XD





ในทั้งหมด ผมชอบอันนี้ X3


นั่งถ่ายรูปเพลินๆ ได้สักพักก็ต้องออกเพราะครบรอบแล้ว ผมก็เลยเดินเล่นในโซน Fantasyland ต่อ


และก็มาถึงมุมบังคับของโซนนี้ครับ :3


หลังจากเดินได้สักพักผมก็เริ่มหาของเล่นอีกละ คราวนี้เป็น Winnie the Pooh Rail Car อันนี้เป็นการเล่าเรื่อง Winnie the Pooh หรือ หมี Pooh รูปแบบ Holographic และ 3D Actual Design ครับ อันนี้เป็นอันเดียวที่คิวยาวมากกกกกกกก ยาวจนผมแทบจะหวัดขึ้นอีกครั้ง ;___;


ระหว่างรอก็ถ่ายรูปหมีเล่นๆ ข้างนอก :3



ยืนรอได้ไม่นานรถก็มาให้ขึ้น รถคันนี้นั่งได้ 4-6 คนต่อคัน เป็นรถคันเล็กๆ ไม่ใหญ่มากครับ อ้อผมลืมบอกแหน่ะ ตอนแรกผมถ่ายรูปด้วยโหมดแมนวล แต่ลืมปิดแฟลช ถ่ายได้รูปเดียวพนักงานก็บอกว่า ห้ามเปิดแฟลชถ่ายรูปด้านใน ผมก็ครับๆๆ ปิดแฟลชโดยด่วน และก็นั่งสงบๆ ก่อนจะไปถ่ายรูปแบบเริงร่าข้างใน :3




นั่งสนุกๆ ไปได้ไม่นาน ก็ต้องออกเพราะครบรอบ (อีกแล้ว)... แต่อันนี้ มันมีมุมบังคับหนึ่งมุมที่เมื่อผ่านแล้ว เราต้องนับ 1-3 ไปพร้อมๆ กับระบบ และก็จะเป็นการถ่ายรูป 1 แชะโดยอัตโนมัติ รูปจะถูกส่งไปทางออก ให้เราไปเคลมรับได้ที่นั่นครับ เสียค่ารูป 1 ใบ 120 เหรียญครับ TwT


เสียดายที่ตังไม่พอ เลยถ่ายเก็บได้แค่นี้ T__T)b

ออกจากหมีพูห์มา ก็เดินเล่นๆ ในสวนต่อ และก็ไปสะดุดกับโซนนี้ครับ Adventure Land





เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเที่ยว ก็เลยจัดนี่ซะเลยครับ Rivers of Adventure :3 ตอนนี้น่าจะบ่ายสามละ ผมโทรกลับหาที่บ้านด้วยตอนรอคิวที่นี่ :3


 หือ... You may get wet? ... Whatttttttttttt?


River of Adventure เป็นเรือที่ให้เราขึ้นไปชมธรรมชาติในโซนนี้ครับ และมีการเล่าเรื่องเล็กๆ น้อยๆ






จุดพีคของโซนนี้ก็คือจุดนี้ครับ เพราะมีเปียก! 555+ (แต่หลบทัน อิอิ)




เสร็จจากนี่ก็ขึ้นบ้าน Tarzan สักหน่อย :3





บ้าน Tarzan ก็ไม่มีอะไรมากครับ นอกจากเดินๆ ๆ ถ่ายวิวโซน Adventure Land ได้ทั้งโซน และก็ดูของในบ้านนิดๆ หน่อยๆ :3

ลงจากบ้าน Tarzan มาก็มาเจอกับเจ้านี่ Grizzly Gulch 555+





งานนี้ผมก็นั่งเล่นไอนี่สักรอบครับ สนุกดีเหมือนกัน มีวิ่งหน้าวิ่งหลังด้วย 555+

เสร็จแล้วก็ต่อด้วยโซน Mystic Point อันนี้เป็นโซนเปิดใหม่ของ Hong Kong Disneyland ช่วงนี้เลยครับ






นั่งได้แปปเดียวก็จบ ว้าสั้นไปหน่อย :3 แต่ช่างเถอะ เวลาเหลือไม่มากละ เพราะตอนนี้ก็สี่โมงกว่า ผมก็เลยมุ่งหน้าไปส่วนสุดท้ายของวันนี้ คือ Toy Story Land! :D


เข้ามาได้ไม่นานก็เจอกับเจ้านี่ แอร๊ยยยยย!!!


จัดเสร็จก็ถ่ายรูปกับมุมบังคับสักหน่อย :3





ส่วนมากผมใช้เวลากับโซน Toy Story Land ไปกับการเล่นเครื่องมากกว่าเดินถ่ายรูป เล่นไปได้สักพักก็ 5 โมงเย็นแล้ว เอาล่ะเสียเวลามามากพอละ ก็เป็นอันว่าจบทริป Hong Kong Disneyland Resort ไว้เพียงเท่านี้ดีกว่า เพราะกลัวไปเช็คอินไม่ทัน และไหนยังจะต้องเดินหาร้านข้าวอีก (อยู่นู่น ผมกินโยชิโนยะครับ 55+) ก็กลัวว่าจะเสียเวลาจนโมโหหิวไปก่อน เลยเดินออกเลยดีกว่า


และก็ไม่พลาดกับมุมบังคับมุมสุดท้าย :3 (สัมภาระเยอะเนอะ T3T)


ถามผมว่าคุ้มมั้ย ขอตอบว่าคุ้มมากครับ ค่าตั๋วผมซื้อที่ไทย 1600 เดินเล่นได้ทั้งวัน รู้สึกสนุกมากอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะ :3 เหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง แอ๊ยยยยย เอาเป็นว่าทริปหน้าถ้าได้มาอีก ก็ตั้งใจว่าจะกลับมาเยือนอีกครั้งแน่นอนครับ แต่ครั้งหน้าคงต้องอยู่เช้าจรดสวนปิดละ 555+

เดี๋ยวมาต่อเย็นวันที่ 3 ไม่พรุ่งนี้ก็อาทิตย์หน้าคับ :3